แนะนำและวิธีการต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Cryptocurrency
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2013 ผู้ใช้ฟอรัม Bitcointalk ชื่อ GameKyuubi ได้เผยแพร่โพสต์ที่อธิบายถึงสาเหตุของการลงทุนระยะยาวใน Bitcoin และการลงทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนในอนาคตได้อย่างไร
ในขณะนั้นตลาดคริปโตกำลังประสบปัญหาราคาลดลงอีกครั้งและ GameKyuubi ระบุว่าเขาจะถือ Bitcoin ต่อไปเพราะเขาเชื่อมั่นในโครงการของ Satoshi Nakamoto โพสต์ของเขาอาจไม่มีใครสนใจหากไม่มีคำๆ นี้ โดยผู้ใช้สะกดคำว่า Hold ผิดโดยเขียนว่า “HODL” แทน นั่นคือจุดเริ่มต้นของ meme ที่มีชื่อเสียง ซึ่งคาดว่าเป็นการเน้นถึงความสำเร็จของการลงทุน crypto ในระยะยาวนั่นเอง
หลายคนยืนยันว่าสูตรสำหรับผลกำไรที่ยอดเยี่ยมนั้น เพียงแค่ “HODL” ในระยะยาว คำนี้ติดอยู่ในใจของผู้ลงทุนจำนวนมาก แต่กลยุทธ์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนในความเป็นจริงหรือไม่? ปรากฎว่าการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เหมือนกับการลงทุนระยะยาวในตลาดแบบดั้งเดิมดังนั้นกลยุทธ์นี้จึงมีข้อผิดพลาดได้
นอกจากความผันผวนในระยะสั้นแล้ว ความผันผวนในระยะยาวของ Bitcoin ยังท้าทายสินทรัพย์แบบดั้งเดิมจำนวนมาก ระหว่างปี 2011 ถึง 2013 ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 52,000% และในปีต่อมามันลดลง 80% ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็จะเห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลตัวหลักมีราคาเพิ่มขึ้นราว 17 เท่าจากระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ และจะลดลง 50% ในเวลาต่อมา การเคลื่อนไหวของราคาอย่างมากในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีอาจเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ หากใครที่ไม่ได้ติดตามหรือสนใจในเรื่องนี้
สำหรับ HODLer นั้นจะไม่สนใจตัวบ่งชี้ของตลาด เพิกเฉยต่อความผันผวนของราคาในระยะสั้น และจะกักตุนสินทรัพย์ โดยไม่สนใจความกลัวที่จะพลาดโอกาสหรือ FOMO (Fear Of Missing Out) และความไม่มั่นใจและสงสัยหรือ FUD (Fear of Uncertainty and Doubt) ซึ่งมีเพียงสิ่งที่เดียวที่สนใจคือเชื่อว่าในที่สุด crypto จะกลายเป็นสกุลลเงินหลักของระบบการเงินทั่วโลกและความเชื่อนี้จะได้รับผลตอบแทนในอีกหลายปีนับจากนี้
กล่าวโดยสรุปแล้ว ความสำเร็จของ HODLer คือมีความอุ่นใจและความพร้อมของเงินทุนสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์เป็นประจำด้วยเหรียญที่เหมาะสมตามกลยุทธ์ HODL และถ้าเป็นตามคาดก็เหมือนได้โชคก้อนใหญ่แม้ว่าอาจใช้เวลาหลายปี ซึ่งก็ดูเหมือนง่าย แต่ประเด็นสุดท้ายหากเลือกเหรียญผิด เงินทุนทั้งหมดของคุณจะพังพินาศ
ปัจจุบันมีเหรียญที่หลากหลายมากขึ้น ตอนนี้ก็น่าจะเกือบ 10,000 เหรียญแล้ แต่ Bitcoin เป็นเหรียญที่อยู่นานที่สุดและมีความน่าเชื่อถือสูงสุดกับนักลงทุน เมื่อมองย้อนกลับไปเราสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา BTC ถือเป็นกลยุทธ์ HODL ได้ผลดีที่สุด หากดูแผนภูมิ BTC จากปี 2013 เมื่อตลาด crypto เจอคลื่นลูกแรกที่ทำให้ราคาพุ่งสูงสุด
หากเริ่มซื้อ Bitcoin เมื่อใดก็ได้ (ไม่รวมช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา) และใช้กลยุทธ์ HODL ในวันนี้ การลงทุนอาจจะทำกำไรได้ หากย้อนไปกลับจะเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ดีโดยเฉพาะกับผู้ที่ซื้อ BTC ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2017 และถือยาวๆ มาจนถึงวันนี้ เท่าว่าตอนนี้จะมีเงินทุนเพิ่มขึ้นสามเท่า
กลยุทธ์ HODL ให้ผลตอบแทนหลายเท่าสำหรับผู้ที่ซื้อ Bitcoin ในปี 2011, 2013, 2015 และอย่างไรก็ตาม มันอาจนไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้เสมือไป และกลยุทธ์ HODL ก็มีข้อเสียของตัวเอง
HODLing & altcoins แทบจะเข้ากันไม่ได้
มาดูการจัดอันดับสกุลเงินดิจิทัล 10 อันดับแรก เรียงตามตัวอักษร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2017
จะเห็นว่ามีเพียง Etherium, Bitcoin Cash, XRP และ Litecoin เท่านั้นที่ยังคงอยู่อันดับบนสุด ณ วันนี้ โครงการที่เหลือถูกแทนที่ด้วยสกุลเงินดิจิทัลใหม่ เช่น Polkadot, Binance Coin, Dogecoin (หลังเปิดตัวมาแล้วประมาณ 7 ปี และแม้ว่าเราจะเคยเห็น DOGE ในรายการ 10 อันดับแรกก่อนหน้านี้ แต่ก็หายไปแล้ว หลายคนมองว่าส่วนสำคัญที่ทำให้เหรียญนี้มีตัวตนคือความพยายามของ Elon Musk
ต่อมาเป็นข้อมูลในเดือนธันวาคม 2015 จะเห็นโครงการต่างๆ เช่น Stellar, Bitshares, Peercoin, MaidSafeCoin และ Dash แต่การจะลงทุนในช่วงเวลานี้อาจไม่ได้ผลตามที่คาด แต่ altcoin เกือบทุกตัวนั้นออกมาเพื่อมองหานักลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้ผลกำไรมากกว่า
นอกจากนี้ยังไม่คำนึงถึงปัจจัยเพิ่มเติมที่อาจทำให้การลงทุน altcoin กลายเป็นฝุ่นหายวับไปพริบตาในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เช่น การแลกเปลี่ยน การแฮ็ก ข่าวเชิงลบ และอื่นๆ
จุดสำคัญของกลยุทธ์ HODL คือการจัดเก็บ cryptocurrency ในระยะยาว ดังนั้นสายถือยาวๆ ควรใช้กระเป๋า Cold Wallet ที่มีระดับการป้องกันที่เหมาะสมและควรแยกจากสิ่งรบกวนภายนอกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแน่นอนว่าการจัดเก็บดังกล่าวนั้นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยในการลงทุนได้ (เว้นแต่จะลืมรหัสผ่านหรือข้อมูลสำรอง Wallet)
หากการลงทุนระยะยาวใช้เวลาหลายปี ไม่ควรเลือกที่จะเก็บสกุลเงินดิจิทัลไว้ในกระเป๋าเงินของกระดานเทรด แม้แต่เว็บเทรดที่ดูเหมือนน่าเชื่อถือที่สุดก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว จำนวนเงินทุนที่ถูกแฮกเกอร์ขโมยไปจากกระดานเทรดและแพลตฟอร์มการเทรดที่ผ่านมานั้นมีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือกระดานนั้นก็ต้องปิดตัวลง โดยเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดเกิดขึ้นบน Mt. Gox, Cryptopia, BTC-e, WEX และโครงการขนาดเล็กอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่เข้ามาทำลาย altcoin อีกอย่างหนึ่งก็คือ การแฮ็กแบบไม่ทันตั้งตัว ตามมาด้วยมูลค่าของสินทรัพย์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่ิงนี้ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่เหมือนกันหลังจากโครงการ DeFi ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเหตุการณ์แฮ็กครั้งสำคัญคือโปรโตคอลการกระจายอำนาจของ Cover เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาของ Cover ลดลงมากกว่าสามเท่าและยังไม่กลับไปสู่จุดสูงสุดก่อนหน้านี้ และเป็นไปได้ยากมากที่ Cover จะกลับคืนมาได้เหมือนเดิม
อย่าลืมว่า altcoin ส่วนใหญ่มาจากการโฆษณาของ Influencer และไม่ได้ขึ้นอยู่กับทางเทคโนโลยี ผู้มีอิทธิพลมักจะมองหาโอกาสในการปั๊มและทิ้งเพื่อทำกำไรอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถใช้กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวได้
สรุป
การ HODL หรือถือระยะยาวใช้งานได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ถือ Bitcoin จะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ เนื่องจากเหรียญดังกล่าวคือเหรียญเบอร์หนึ่งของสกุลเงินดิจิทัล และเป็นเหรียญที่น่าเชื่อถือมากที่สุด
การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ จำเป็นต้องมีความมั่นคงทางจิตใจ และความเชื่ออย่างจริงจังในพื้นฐานของเหรียญ หากไม่มีสิ่งนี้นักลงทุนจะขายเหรียญทันทีที่เห็นราคาร่วงลงตั้งแต่ระยะแรกๆ
การมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสินทรัพย์ที่ถือไว้จำนวนมากควรมีการขายออกบ้างเป็นครั้ง จะช่วยให้เห็นถึงผลกำไรและปลอดภัยจากความเสี่ยงมากกว่าการถือยาวๆ เป็นเวลาหลายปีโดยไม่มีการเทขายออกมาบ้างเลย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาและหาข้อมูล วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองอยู่เสมอ และการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงมาก